ความคิดสร้างสรรค์

 ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) 

🌻 หลักการความคิดสร้างสรรค์ 🌻
   🌈ความหมายของความคิดสร้างสรรค์ => กระบวนการคิดของสมองซึ่งมีความสามารถในการคิดได้หลากหลาย และแปลกใหม่จากเดิม
   🌈ความสำคัญของความคิดสร้างสรรค์
    • ความสำคัญต่อตนเอง คือ หากได้ทำตามในสิ่งที่คิด จะเป็นการลดความเครียดลงได้ เพราะได้ตอบสนองความต้องการของตนเอง
    • ความสำคัญต่อสังคม คือ การสร้างสรรค์ชิ้นงานใหม่ๆ จะทำให้เกิดความแปลกใหม่ ลังคมเกิดความก้าวหน้า ส่งผลให้การดำเนินชีวิตของมนุษย์สะดวกสบายมากขึ้น ช่วยประหยัดเวลา แรงงาน รวมถึงความปลอดภัยในชีวิต
    🌈ระดับความคิดสร้างสรรค์
    • ระดับต้น: เป็นความคิดอิสระ แปลกใหม่ ยังไม่คำนึงถึงคุณภาพและการนำไปประยุกต์ใช้
    • ระดับกลาง: คำนึงถึงผลผลิตทางคุณภาพนำไปประยุกต์ใช้งานได้
    • ระดับสูง: สรุปสิ่งที่ค้นพบเป็นรูปธรรม นำไปใช้ในการสร้างหลักการทฤษฎีที่สากลยอมรับ
    🌈รูปแบบของความคิดสร้างสรรค์
    1. การปฏิรูป เป็นการพัฒนาความคิดแบบหนึ่งไปสู่อีกแบบหนึ่งอย่างค่อยเป็นค่อยไป
    2. การสังเคราะห์ คือ ความคิดในการนำสิ่งหรือวิธีการที่หลากหลายตั้งแต่ 2 อย่างขึ้นไปมาผสานกัน
    3. การปฏิวัติ คือ การเปลี่ยนแปลงความคิดเก่าโดยสิ้นเชิง
    4. เอาไปทำอย่างอื่น เป็นการมองสิ่งเก่าๆ ในรูปแบบใหม่ เอาสิ่งของเก่าๆ ไปทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่หน้าที่เดิมๆ ของมัน
    5. เปลี่ยนทิศทางใหม่ เปลี่ยนมุมมองความคิดไปมุมมองอื่นๆ บ้าง
    🌈ลักษณะของบุคคลที่มีความคิดสร้างสรรค์
    1. ชอบสิ่งใหม่ๆ พร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้า
    2. มีความเชื่อมั่นในตนเอง ชอบอิสระ
    3. มีความคิดที่ยืดหยุ่น และไวต่อความรู้สึกและสิ่งรอบตัว
    4. อารมณ์ขัน ไม่มีความเครียด
🎵 หลักการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ 🎵
    • สร้างบรรยากาศที่ส่งเสริมให้เกิดความคิดสร้างสรรค์
    • พยายามตั้งคำถาม/ การศึกษารายกรณีเกี่ยวกับเด็ก
    • จัดกิจกรรมระดมสมอง (Brainstorming)
    • ปลูกฝังความกล้าที่จะแสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์
    • การสร้างความคิดใหม่
บทบาทของครูผู้สอนในการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของผู้เรียน🌲
    • มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ครูต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของความคิดเห็นของความคิดเห็นสร้างสรรค์เสียก่อน ครูต้องมีความคิดที่แตกต่างและไม่ย่ำอยู่กับที่ ไม่ยึดกับความคิดเดิมๆ หรือซ้ำกับความคิดผู้อื่น และครูควรระลึกว่าการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ในเด็กนั้นจะต้องใช้เวลาพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ค่อยเป็นค่อยไป
    • เป็นแหล่งความรู้ที่มีความรอบรู้ ครูที่มีความคิดสร้างสรรค์ต้องค้นคว้า สำรวจสิ่งต่างๆ ปรับตนให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดี ครูต้องไม่ยึดกับเอกสารการสอน และไม่แสร้งทำว่าเป็นรู้
    • มีความสนใจนักเรียน ต้องสังเกตผู้เรียนเสมอ รู้จักเด็กในห้องให้มากที่สุด ต้องตั้งใจสอนและแนะนำผู้เรียนด้วยความเต็มใจ ครูต้องหลีกเลี่ยงความคิดที่ว่า เด็กฉลาดไม่จำเป็นต้องได้รับการพัฒนาทางความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งอันที่จริงแล้วเด็กทุกคนต้องการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ ครูลดบทบาทเป็นเพียงผู้ชี้แนะ และให้เด็กมีส่วนร่วมในกิจกรรมด้วยตนเองมากขึ้น
    • มีอารมณ์ขัน เพราะจะทำให้มองสิ่งแวดล้อมในแง่มุมที่ดีงาม และจะทำให้บรรยากาศการเรียนการสอนเป็นไปอย่างราบรื่น
    • การจัดกิจกรรมในชั้นเรียนต้องส่งเสริมให้เด็กถาม ครูไม่ควรมุ่งคำตอบที่ถูกอย่างเดียวแต่ควรกระตุ้นให้เด็กได้วิเคราะห์ โดยใช้ประสบการณ์ของตนเอง ตั้งใจฟังเมื่อเด็กแสดงความคิดเห็น
💙เทคนิคการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์💙
    เทคนิคการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์นั้นมีอยู่หลายวิธี ซึ่งเราได้สรุปมาเป็นหัวข้อสั้นๆได้ดังนี้
  1. การระดมสมอง
  2. การปลูกฝังความกล้าที่จะทำสิ่งสร้างสรรค์ (ใช้การตั้งคำถามง่ายๆ)
  3. การปรับเปลี่ยน (สร้างแนวคิดใหม่โดยอาศัยแนวคิดเดิม)
  4. การสร้างแนวคิดใหม่ (รวบรวมส่วนประกอบย่อยของสิ่งต่างๆเข้าด้วยกัน)
  5. ตรวจสอบ ค้นหาความคิดดีๆ
  6. การทำความเข้าใจกับปัญหาที่กำลังเผชิญ
  7. การทำปัญหาที่คุ้นเคยให้แปลก หรือกลับสิ่งที่จะคิด
  8. ปรับสภาพแวดล้อมและเวลาให้เหมาะสมกับการคิด
  9. การสอนตามแนวคิดของวิลเลียมส์ (เน้นให้เด็กรู้จักคิด และแสดงความรู้สึก)
  10. การเรียนรู้ตามแนวคิดไฮ/สโคป (เปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้โดยเป็นผู้ริเริ่ม)
  11. เทคนิคแผนที่ความคิด
  12. เทคนิคการคิดแบบหมวกหกใบ
⛄สภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์⛄
  1. ความรัก ความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว การอาศัยอยู่รวมกัน
  2. การเลี้ยงดูแบบประชาธิปไตย
  3. การฝึกให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์หรือกิจกรรม
  4. ให้ลูกมีโอกาสพบเพื่อนและเล่นกับเพื่อน
  5. ความสม่ำเสมอของพ่อแม่ พ่อแม่ต้องจัดเวลาเลี้ยงลูก
  6. ให้เด็กได้ทำในสิ่งที่ชอบ พยายามให้เด็กทำเพื่อเป้าหมายในชีวิต
  7. ให้แรงเสริมกำลังใจ ให้ความชื่นชมเมื่อเด็กทำได้ดี
  8. ให้เวลาไม่ปล่อยให้เด็กไว้ตามลำพังคนเดียวหรืออยู่กับผู้อื่นมากเกินไป
    ซึ่งจาก 8 ข้อที่ผ่านมากล่าวได้ว่า การสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์นั้น ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นที่โรงเรียนเพียงอย่างเดียว สภาพแวดล้อมสามารถสร้างได้จากทั้งบ้าน สถานที่ต่างๆ รอบตัว รวมถึงสภาพทางสังคม

🍭🍭🍭🍭ขอบคุณมากๆนะที่อ่านมาจนถึงจุดนี้เก่งมากๆเลยนะ 🍭🍭🍭🍭

💖เทคโนโลยีที่ส่งเสริมการคิดสร้างสรรค์💖



  • Book Creator
            Book Creator โปรแกรมนี้เป็นแอปพลิเคชันในการสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) บนสมาร์ทโฟนแบบง่ายๆ เหมาะสำหรับการสร้าง E-book ด้วยตนเอง




  • Powtoon
            Powtoon คือเครื่องมือสร้างอินโฟกราฟิกแบบเคลื่อนไหว (Motion Graphic) อีกทั้ง Powtoon ยังมีกราฟิกสำเร็จรูป หรือตัวการ์ตูนแบบเคลื่อนไหวได้ไว้ในคลังภาพมากมาย เหมาะสำหรับงานที่ใช้ในการนำเสนอ //คล้ายๆ โปรแกรมที่มีสีส้มเลย แต่มีภาพเคลื่อนไหวด้วย




  • Toontastic
            Toontastic เป็นแอปพลิเคชั่นที่สามารถสร้างนิทานได้เอง โดยสามารถขยับตัวละครด้วยการลากวาง โดยโปรแกรมนี้สามารถพากย์เสียงลงไปในเนื้อเรื่องได้ และสร้างการ์ตูนแบบ 3D ได้โดยการวาดรูปฉากหรือตัวละครได้ตามใจ และใครที่คิดว่ายังไม่ครีเอตพอสามารถถ่ายถาพหน้าตัวเองใส่เข้าไปในตัวละครได้นะ โหลดได้ทั้ง App Store และ Play Store //รูปภาพที่เอามาไม่ใช่การ์ตูนเรื่องไหนนะ🤣


🎃 ♡ 🎃 ♡ 🎃 ♡ 🎃 สรุปจากผู้เขียน Blog 🎃 ♡ 🎃 ♡ 🎃 ♡ 🎃

        ความคิดสร้างสรรค์ คือ กระบวนการคิดทางสมองซึ่งมีความสามารถในการคิดได้หลากหลาย และแปลกใหม่จากเดิม ซึ่งการที่ผู้เรียนจะเกิดความคิดสร้างสรรค์ได้ ครูผู้สอนจำเป็นต้องมีหลักการ ดังนี้
  1. สร้างบรรยากาศที่ส่งเสริมให้เกิดความคิดสร้างสรรค์
  2. พยายามตั้งคำถาม/ การศึกษารายกรณีเกี่ยวกับเด็ก
  3. จัดกิจกรรมระดมสมอง (Brainstorming)
  4. ปลูกฝังความกล้าที่จะแสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์
  5. การสร้างความคิดใหม่
        ซึ่งการที่ผู้เรียนมีความคิดที่สร้างสรรค์นั้นมีประโยชน์คือ สามารถคิดค้นสิ่งแปลกใหม่ได้ และสามารถนำสิ่งที่คิดค้นได้นำไปเป็นนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะช่วยพัฒนาประเทศไปในทางที่ดีขึ้น




แหล่งที่มา
ผศ.ดร.นัทธีรัตน์ พีระพันธุ์, เอกสารประกอบการเรียนวิชาการพัฒนาสมรรถนะครูในยุคดิจิทัล เรื่อง การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์


ความคิดเห็น